Molecular Hydrogen (H2 – โมเลกุลไฮโดรเจน) เป็นโมเลกุลที่มีความสามารถในการสร้างความแตกต่างในสุขภาพ มันมีประโยชน์ต่อสุขภาพของทุกคน เพราะออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี
Molecular Hydrogen (H2) เป็นโมเลกุลที่ประกอบด้วยอะตอมของไฮโดรเจน 2 ตัว ซึ่งยึดติดกัน โมเลกุลนี้มักไม่เกิดขึ้นในธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่แล้วอะตอมของไฮโดรเจนจะสร้างพันธะกับอะตอมอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น อะตอมของไฮโดรเจน 2 ตัว จะสร้างพันธะกับอะตอมออกซิเจน เพื่อสร้างโมเลกุลของน้ำ
น้ำเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา และอะตอมของไฮโดรเจนทั้งสองในน้ำ ทำให้น้ำมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการผ่านการสร้าง “พันธะไฮโดรเจน” อะตอมของไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในน้ำ เช่นเดียวกับโมเลกุลอินทรีย์อื่น ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, ไขมัน และ DNA
ไฮโดรเจน (H) ปรากฏที่มุมบนซ้ายของตารางธาตุ และมีเลข 1 แสดงอยู่ ประกอบด้วยโปรตอน 1 ตัว และอิเล็กตรอน 1 ตัว ไม่มีนิวตรอน ซึ่งหมายความว่า ธาตุไฮโดรเจนเป็นธาตุที่เล็กที่สุด, ง่ายที่สุด และเป็นพื้นฐานที่สุด สิ่งนี้ทำให้ Molecular Hydrogen (H2) เป็นโมเลกุลที่ง่ายที่สุดที่มีอยู่ เนื่องจากเป็นพันธะของอะตอมที่เล็กที่สุด 2 อะตอม เพื่อความเรียบง่ายเราจะอ้างถึง Molecular Hydrogen ว่า H2 จากนี้ไป
เนื่องจาก H2 มีขนาดเล็กมาก จึงอยู่ในรูปของก๊าซในอุณหภูมิและความดันปกติ คุณอาจเคยได้ยินว่า H2 ถูกเรียกว่า ก๊าซไฮโดรเจน ก๊าซไฮโดรเจนเป็นจุดสนใจหลักของพลังงานสะอาดเนื่องจากการเผาไหม้ก๊าซไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดไอน้ำเป็นผลพลอยได้ แทนที่จะเป็นมลพิษที่เป็นพิษ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพสูงในฐานะเชื้อเพลิงและจะเป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลักสำหรับรถยนต์ในอนาคตอันใกล้นี้
ปัจจุบัน NASA ใช้ไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการสำรวจอวกาศ เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่เบาที่สุด แต่มีพลังงานหนาแน่นมาก มีประสิทธิภาพสูงสุดในฐานะเชื้อเพลิงเมื่อใช้ร่วมกับออกซิเจนเหลว
คุณรู้หรือไม่ว่า จักรวาลที่เรามองเห็นนั้น ประกอบด้วยไฮโดรเจน 75% ไฮโดรเจนเป็นธาตุที่พบบ่อยที่สุด แต่ Molecular Hydrogen (H2) มีอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกเพียง 1 ppm
เมื่อคุณนึกถึงไฮโดรเจน คุณอาจนึกถึงไอออนบวกของไฮโดรเจน (H +) ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า โปรตอน pH คือการวัดปริมาณของไอออน H + ที่มีอยู่ในของเหลว ยิ่ง pH ต่ำเท่าไรก็ยิ่งมีโปรตอนมากขึ้นเท่านั้น และมีความเป็นกรดมากขึ้น แต่แตกต่างจากไฮโดรเจนที่เรากำลังพูดถึง ซึ่งก็คือ Molecular Hydrogen (H2)
โดยธรรมชาติแล้ว H2 ผลิตโดยแบคทีเรีย และสาหร่าย ผ่านเมแทบอลิซึมแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งสิ่งนี้อาจอธิบายถึง H2 บางส่วนที่ตรวจพบในชั้นบรรยากาศ แม้ว่าจะมีความเข้มข้นไม่สูงพอที่จะสร้างความแตกต่างในชีวิตของเราก็ตาม
สำหรับมนุษย์ แบคทีเรียในลำไส้ของคุณจะสร้าง H2 ในขณะที่พวกมันหมักคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดูดซึม H2 ที่ผลิตในลำไส้ของคุณอาจถูกหายใจออกมาทางลมหายใจ หรืออาจทำให้เกิดท้องอืด โดยปกติปริมาณของโมเลกุลไฮโดรเจนที่แบคทีเรียในลำไส้ของคุณผลิตนั้น ไม่เพียงพอที่จะให้ประโยชน์ในการรักษา
ความจริงที่น่าสนใจ:
การศึกษาของชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 20 (ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี) แสดงให้เห็นว่า ระดับไฮโดรเจนโมเลกุลในลมหายใจของพวกเขา สูงกว่าคนที่มีสุขภาพแข็งแรงทั่วไปถึง 4 เท่า!
แม้ว่า H2 จะเป็นโมเลกุลที่ดูเรียบง่าย แต่ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่เรายังคงค้นพบในปัจจุบัน ประโยชน์ที่ H2 สามารถให้ได้นั้น ได้รับการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะถูกมองข้ามไปเป็นเวลานานก็ตาม การศึกษาวิจัยกว่า 300 ชิ้นแสดงให้เห็นประโยชน์ของ H2 ในรูปแบบของโรคที่หลากหลาย
เหตุผลที่คุณอาจไม่เคยได้ยินว่า H2 มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นเพราะ “มันธรรมดาเกินไป” ไม่สามารถจดสิทธิบัตร H2 ได้ ซึ่งหมายความว่า จะไม่สามารถทำกำไรได้ในฐานะยารักษาโรค ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีการโปรโมท H2 ในสื่อกระแสหลัก
นอกจากนี้ H2 ดูเหมือนจะ “ดีไปหมดทุกอย่าง” เนื่องจาก H2 ทำงานในระบบต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์ ผลของมันจึงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล นั่นเป็นเพราะอนุมูลอิสระมีผลต่อเราแต่ละคนในรูปแบบที่แตกต่างกัน นี่อาจเป็นแนวคิดที่เข้าใจยาก และบางคนก็ไม่เชื่อเพราะมันฟังดู “ดีเกินไป”
แม้จะมีเหตุผลเหล่านี้ นักวิชาการและนักวิจัยจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้บันทึกหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้สำหรับประโยชน์ของ H2 ต่อสุขภาพของมนุษย์ การวิจัยเกี่ยวกับโมเลกุลของไฮโดรเจนได้เติบโตขึ้นอย่างทวีคูณในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เซลล์ของคุณอยู่ภายใต้การโจมตีของอนุมูลอิสระอยู่ตลอดเวลาอนุมูลอิสระ เป็นผลมาจากการผลิตพลังงานจากไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตพลังงานของเซลล์ อนุมูลอิสระ มีอิเล็กตรอนที่ไม่ได้จับคู่ และต้องการตอบสนองโดยการรับอิเล็กตรอนจากโมเลกุลที่อยู่ใกล้ ๆ อนุมูลอิสระ มีอายุสั้น, ไม่เสถียร และทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความเสถียร ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับอนุมูลอิสระคือ Reactive Oxygen Species (ROS)
ลองนึกภาพเครื่องยนต์ของรถยนต์ที่เผาน้ำมันเบนซินเพื่อเป็นเชื้อเพลิง ผลพลอยได้คืออะไร คือควันเสีย หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์บอนมอนอกไซด์ CarbonMonoxide เป็นพิษมาก หากสูดดมเข้าไปอาจถึงแก่ชีวิตได้ อนุมูลอิสระจะปรากฏในลักษณะที่คล้ายกันเป็นผลพลอยได้จากการผลิตพลังงานในเซลล์ของคุณ อนุมูลอิสระเปรียบเสมือนคาร์บอนมอนอกไซด์ของเซลล์ของคุณ
โดยปกติ ระบบต้านอนุมูลอิสระของคุณสามารถดูแลอนุมูลอิสระได้ก่อนที่จะก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่เมื่อคุณอายุมากขึ้นและสารพิษเข้าสู่ระบบของคุณมากเกินไป ระบบต้านอนุมูลอิสระของคุณจะทำงานได้ลดลง และอนุมูลอิสระจะเริ่มสร้างความหายนะภายในเซลล์ของคุณ
ความเสียหายจากอนุมูลอิสระในระยะยาว หรือที่เรียกว่า ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidative stress) นั้น เชื่อมโยงกับความชราและโรคเรื้อรังส่วนใหญ่ เช่น มะเร็ง, เบาหวาน, โรคเกี่ยวกับระบบประสาท, โรคหัวใจและหลอดเลือด และอื่น ๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นจุดสนใจหลัก และเป็นคำหลักในอุตสาหกรรมอาหารเสริม ตั้งแต่เริ่มต้น
ไมโตคอนเดรียมีหน้าที่ในการผลิตพลังงานในรูปแบบของ ATP (เป็นสกุลเงินของพลังงานในเซลล์) แต่ยังผลิตอนุมูลอิสระซึ่งเป็นพิษออกมาด้วย ออกซิเจนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนการผลิตพลังงาน น่าเสียดายที่ 2-5% ของออกซิเจนที่ใช้ในการผลิตพลังงาน จะเปลี่ยนเป็นอนุมูลอิสระที่เรียกว่า Superoxide Anions
ภายในเซลล์ มีเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น Superoxide Dismutase ที่ทำให้ Superoxide Anion เปลี่ยนเป็น Hydrogen Peroxide ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ เป็นอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ในเซลล์ ระบบภูมิคุ้มกันใช้ Hydrogen Peroxide เพื่อฆ่าแบคทีเรียและส่งสัญญาณไปยังส่วนที่เหลือของระบบภูมิคุ้มกันหากมีการบาดเจ็บที่เนื้อเยื่อ โดยปกติ เมื่อเราเกิดบาดแผล จะมีการสร้าง ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ ซึ่งจะส่งสัญญาณให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเคลื่อนที่ไปที่บาดแผล
เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่งคือ กลูตาไธโอน เปอร์ออกซิเดส (GPX) GPX สองตัวจะแปลง ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ 1 ตัว ให้เป็นโมเลกุลของน้ำ 2 โมเลกุล ในระหว่างปฏิกิริยานี้ GPX ทั้ง 2 จะเชื่อมกันเพื่อสร้าง กลูตาไธโอน ไดซัลไฟด์ (GDS) GDS จำเป็นต้องรีไซเคิลโดยเอนไซม์อื่นเพื่อเปลี่ยนกลับเป็น 2 GPXs พร้อมที่จะรับโมเลกุล ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ มากขึ้น ซึ่งหมายความว่า GPX ไม่พร้อมใช้งานเสมอไป และมีข้อจำกัดในการทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
กระบวนการ 2 ขั้นตอนในการกำจัดอนุมูลอิสระภายในเซลล์ มีความสำคัญต่อสุขภาพของเซลล์ หากมี Superoxide Dismutase และ Glutathione Peroxidase ไม่เพียงพอ Superoxide Anion และ Hydrogen Peroxide สามารถสร้างขึ้นในเซลล์ อนุมูลอิสระเหล่านี้ อาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่พวกมันทำปฏิกิริยาซึ่งกันและกัน เพื่อก่อให้เกิดอนุมูลอิสระที่ร้ายแรงนั่นคือ Hydroxyl Radical
ขึ้นอยู่กับอาหาร, การใช้ชีวิต และสภาพแวดล้อม เซลล์สามารถสร้างอนุมูลอิสระได้มากกว่าที่เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระจะสามารถจัดการได้ และเมื่ออายุมากขึ้น เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระจะลดน้อยลงตามธรรมชาติ เมื่ออนุมูลอิสระส่วนเกินก่อตัวขึ้นภายในเซลล์ ก็จะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ
ไม่ว่าคุณจะมีสุขภาพดีแค่ไหน อนุมูลอิสระก็ถูกสร้างขึ้นภายในเซลล์ทุก ๆ วินาที ที่แย่ไปกว่านั้น วงกลมด้านบน จะแสดงสาเหตุที่พบมากที่สุด ในการสร้างอนุมูลอิสระภายในเซลล์ ตรวจสอบแหล่งของอนุมูลอิสระที่คุณสัมผัสในแต่ละวัน
เมื่ออนุมูลอิสระไม่ได้ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว พวกมันจะเปลี่ยนเป็นอนุมูลอิสระที่อันตรายกว่า ตัวอย่างเช่น ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ จะเปลี่ยนเป็น ไฮดรอกซิล เรดิคัล ที่อันตรายที่สุด เมื่อมีธาตุเหล็ก (ในเซลล์เม็ดเลือด) หรือโลหะทรานซิชันอื่น ๆ
นอกจากนี้ ไฮดรอกซิล เรดิคัล ยังสามารถสร้างขึ้นในเซลล์ได้ เมื่อสัมผัสกับรังสียูวี หรือรังสีความถี่แม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) สิ่งเหล่านี้ เป็นคลื่นพลังสูงที่แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ และทำให้โมเลกุลของน้ำแตกออก เป็น ไฮดรอกซิล เรดิคัล ดังที่แสดงในรูปทางซ้าย
ไฮดรอกซิล เรดิคัล เป็นอนุมูลอิสระที่มีปฏิกิริยาสูง ซึ่งจะขโมยอิเล็กตรอนจากโมเลกุลอื่น ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับโมเลกุลเหล่านั้น สังเกตว่า พวกมันมีโครงสร้างคล้ายกับน้ำเพียงใด สิ่งที่พวกมันต้องการคือ อะตอมของไฮโดรเจน และอิเล็กตรอน เพื่อให้กลายเป็นน้ำ มันมีพลังมากจนสามารถฉีกอะตอมของไฮโดรเจนและอิเล็กตรอนออกจากโมเลกุลรอบๆตัวมันได้อย่างง่ายดาย เหยื่อมักเป็น DNA, โปรตีน และไขมันที่สร้างเซลล์เรา
Oxidative Stress เกิดขึ้นเมื่อมีการรบกวนสมดุลของอนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของ Hydroxyl Radicals ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อโมเลกุลของเซลล์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ Oxidative Stress เป็นสาเหตุของความท้าทายด้านสุขภาพที่แตกต่างกัน และมีผลต่อแต่ละบุคคลแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธุกรรม
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่แข็งแรงเท่าที่ควร สาเหตุที่แท้จริงน่าจะเป็น Oxidative Stress คุณต้องเพิ่มระบบป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อให้สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์ได้ โดยการเสริมอาหารด้วยอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ, ปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี และใช้ H2
บริษัทอาหารเสริมหลายแห่งอ้างว่า สูตรต้านอนุมูลอิสระของพวกเขาดีที่สุด แม้ว่าสูตรเหล่านี้บางสูตรจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ที่สามารถทำหน้าที่ในหลาย ๆ วิธีที่ Molecular Hydrogen (H2) ทำ เพื่อปกป้องคุณจากความเครียดออกซิเดชัน H2 คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่สมบูรณ์แบบ
H2 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีขนาดเล็กที่สุด สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น วิตามินซี หรือวิตามินอี เป็นโมเลกุลที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับ H2 และต้องผ่านทางเดินอาหาร ดูดซึมในลำไส้ เดินทางผ่านเลือด และเข้าสู่เซลล์ ก่อนที่จะสามารถกำจัดอนุมูลอิสระ
H2 มีขนาดเล็กมาก จนสามารถแทรกซึมผ่านเยื่อบุกระเพาะอาหาร เพื่อเริ่มทำหน้าที่ภายในเซลล์ได้ทันที H2 ยังอยู่ในสถานะก๊าซ ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้วมันจะลอยผ่านเซลล์ของคุณ (การแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว) และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยไม่ถูกขัดขวางจากกลไกที่ป้องกันไม่ให้สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เคลื่อนผ่านร่างกายได้อย่างอิสระ
H2 ยังสามารถข้าม Blood-Brain-Barrier ได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากมีขนาดเล็ก ในขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการผ่าน หรือไม่สามารถผ่านได้เลย สมองมีความไวต่อความเครียดจากการออกซิเดชั่นสูง เนื่องจากใช้ออกซิเจนถึง 20% จากออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไป แม้จะมีน้ำหนักเพียง 2% ของน้ำหนักตัว ดังนั้น จึงสำคัญมากที่จะต้องปกป้องสมองด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ
2. Selectivity (การเลือกจับ)
H2 เลือกและกำหนดเป้าหมายเฉพาะ ไฮดรอกซิล เรดิคัล นี่เป็นประโยชน์หลัก เนื่องจาก H2 กำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลโดยตรงต่ออนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ เช่น ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ หรือ ไนตริก ออกไซด์ เช่นเดียวกับที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เซลล์ภูมิคุ้มกันใช้ ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และ ไนตริก ออกไซด์ เป็นโมเลกุลส่งสัญญาณที่ช่วยเปิดและปิดหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ไม่ได้เลือกจับเฉพาะ ไฮดรอกซิล เรดิคัล แต่จะต่อต้านอนุมูลอิสระทุกชนิดในบริเวณใกล้เคียง การกำจัดอนุมูลอิสระแบบไม่เลือก อาจขัดขวางสมดุลของอนุมูลอิสระกับสารต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์ ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณ
3. ความเป็นพิษ = 0
โมเลกุลของ H2 แต่ละโมเลกุล สามารถเปลี่ยน ไฮดรอกซิล เรดิคัล 2 ตัว ให้เป็นน้ำ เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่เซลล์ของคุณในกระบวนการ (รูปที่ 1) ดังนั้น แม้ในความเข้มข้นสูง H2 ก็มีความเป็นพิษเป็นศูนย์ H2 ส่วนเกินใด ๆ ก็จะถูกปล่อยออกจากร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ จะกลายเป็น weak free radicals เสียเอง หลังจากต่อต้านอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) จะกลายเป็น Ascorbyl Radical (รูปที่ 2)
4. Synergy (เสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน)
H2 ไม่เพียงแต่ต่อต้าน ไฮดรอกซิล เรดิคัล โดยตรงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น กลูตาไธโอน เปอร์ออกซิเดส, ซูเปอร์ออกไซด์ ดิสมิวเทส และ คาตาเลส เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระแต่ละชนิด และไฮโดรเจนโมเลกุล จะกำจัดอนุมูลอิสระประเภทต่างๆ สารต้านอนุมูลอิสระทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีอนุมูลอิสระส่วนเกินที่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายจากความเครียดออกซิเดชันภายในเซลล์ของคุณ
ดังที่แสดงในรูปด้านบน H2 สามารถสนับสนุนเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ และกำจัด ไฮดรอกซิล เรดิคัล ที่อันตรายที่สุดได้โดยตรง H2 ให้การปกป้องอย่างเต็มที่จากอนุมูลอิสระ โดยไม่รบกวนสมดุลของอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์
โมเลกุลไฮโดรเจนเหนือกว่าสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ทั้งหมดอย่างชัดเจน เนื่องจากเหตุผลทั้งสี่นี้
จักรวาล มีไฮโดรเจน 75% ทำให้ ไฮโดรเจน เป็นองค์ประกอบที่มีอยู่มากที่สุดในจักรวาล สิ่งที่มีอยู่แพร่หลายมาก ๆ เช่นนี้ จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ได้อย่างไร ที่น่าสนใจคือ โดยทั่วไปแล้ว รูปแบบของไฮโดรเจนที่ดีต่อสุขภาพที่สุดคือ H2 นั้น ไม่สามารถพบได้ง่ายๆ แต่เมื่อมันพร้อมใช้งานภายในเซลล์ของคุณ มันจะกลายเป็นโมเลกุลผู้พิทักษ์ ปกป้องคุณ, เพื่อน ๆ และได้